เอกอัครราชทูตเข้าร่วมนมาซญุมอะฮ์ และกล่าวสุนทรพจน์ตามคำเชิญของศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ในหัวข้อการรุกรานของระบอบไซออนิสต์และสหรัฐอเมริกาต่ออิหร่า

เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ตามคำเชิญของศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ณ กรุงเทพมหานคร ฯพณฯ นอเศเรดดีน ฮัยแดรี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ประจำประเทศไทย ได้เข้าร่วมนมาซญุมอะฮ์ (นมาซวันศุกร์) พร้อมกับมุสลิมชาวไทย และกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยระบอบไซออนิสต์ จากกาซ่าสู่เตหะราน”

ในสุนทรพจน์นี้ ได้อธิบายถึงสถานการณ์การโจมตีอย่างโหดร้ายและการรุกรานอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง และผิดกฎหมายของระบอบไซออนิสต์ที่มีต่อดินแดนของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ซึ่งนำไปสู่การพลีชีพอย่างไร้ความเป็นธรรมของพลเมืองผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก และการพลีชีพของผู้บัญชาการทหารระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของประเทศ และยังอธิบายจุดยืนที่เป็นหลักการของประเทศสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านของเราอีกด้วย

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกล่าวว่า :ในการรุกรานอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งครั้งนี้ พลเรือนและที่พักอาศัยที่ประชาชนทั่วไปได้อาศัยนั้นถูกกำหนดเป็นเป้าหมายและถูกโจมตีอย่างโหดร้าย ซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกล่าวว่า : ข้ออ้างหลักในการโจมตีเหล่านี้ คือโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งโรงงานทั้งหมดอยู่ภายใต้การตรวจสอบที่เข้มงวดที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักงานทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ในขณะที่การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์เป็นสิ่งต้องห้าม

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเน้นย้ำว่า ภายใต้เงื่อนไขของการเพิกเฉยและการไม่ดำเนินการใดๆ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และการยุติการรุกราน สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะยังคงปกป้องดินแดนและชาติของตนอย่างถูกต้องตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ

เอกอัครราชทูตของประเทศเราเน้นย้ำว่า ระบอบการปกครองไซออนิสต์ที่กำลังแย่งชิงอำนาจจะต้องตระหนักว่า ความมั่นคงฝ่ายเดียวไม่สามารถสร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของความมั่นคงของประเทศอื่นได้

ด้วยเหตุนี้ สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจึงถือว่าตนมีสิทธิโดยชอบธรรมในการปกป้องอำนาจอธิปไตยและชาติจากการคุกคามและการรุกรานอย่างเปิดเผยของระบอบไซออนิสต์ต่อดินแดนและบูรณภาพแห่งดินแดนของอิหร่านจนกว่าจะสามารถยุติการรุกรานให้หมดสิ้นลงได้ เนื่องจากสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านไม่ได้เป็นผู้เริ่มก่อสงครามหรือต้องการสงคราม แต่จะไม่นิ่งเฉยเมื่อเผชิญกับการคุกคามและการรุกราน

หลังจบการสัมมนาและการตอบคำถามแขกผู้มีเกียรติ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ตอบคำถามจากนักข่าวและสื่อมวลชนไทย และอธิบายจุดยืนหลักของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในการรับมือกับการรุกรานครั้งนี้ให้ผู้สื่อข่าวทราบ